จังหวัดพะเยา เตรียมสร้าง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ หลังพบหลักฐานศิลาจารึก ณ ตำบลท่าวังทอง บริเวณสบร่องขุย

จังหวัดพะเยา เตรียมสร้าง อนุสาวรีย์สามกษัตริย์ หลังพบหลักฐานศิลาจารึก ณ ตำบลท่าวังทอง บริเวณสบร่องขุย

จังหวัดพะเยา เตรียมจัดสร้างอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ บริเวณสบร่องขุย ในพื้นที่หมู่ที่ 14 ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา หลังพบหลักฐานศิลาจารึก ระบุ สามกษัตริย์ซึ่งประกอบด้วยพ่อขุนงำเมืองพ่อขุนเม็งรายและพ่อขุนรามคำแหง ได้กระทำการแสดงสัตยาบันในการที่จะเป็นเพื่อนร่วมสาบานกัน และจะไม่รุกรานกัน ในพื้นที่บริเวณดังกล่าวนอกจากนั้นยังพบว่ามีหลักฐานสำคัญหลายประการ ที่สามารถอ้างอิงได้ โดยจังหวัดจะเตรียมพัฒนาในการจัดสร้างอนุสาวรีย์ เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาที่คุณของกษัตริย์ทั้งสามพระองค์

นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา พร้อมด้วยโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดพะเยา รวมถึงผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่ รวมทั้งชาวบ้านในพื้นที่ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมืองจังหวัดพะเยา ต้องเข้าทำการสำรวจ พื้นที่บริเวณวัดร้างสบร่องขุยบริเวณริมฝั่งแม่น้ำอิงในพื้นที่หมู่ที่ 14 ตำบลท่าวังทอง อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา หลังทางจังหวัดได้เตรียมการที่จะดำเนินการเข้าทำการก่อสร้างอนุสาวรีย์ สามกษัตริย์ซึ่งประกอบด้วยพ่อขุนเม็งราย พ่อขุนงำเมือง และพ่อขุนรามคำแหง หลังสำรวจพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวนั้น ถือว่ามีความสำคัญในทางประวัติศาสตร์ของเมืองพะเยาหรืออาณาจักรภูกามยาว ในอดีต โดยพบศิลาจารึก ที่ระบุว่าพื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นสถานที่ ที่ทั้งสามกษัตริย์ได้มาลงสัตยาบันและร่วมดื่มน้ำสาบานกัน บริเวณดังกล่าว จึงทำให้ทางจังหวัดมีแนวคิดที่จะจัดสร้างอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณที่กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ ในอดีตได้เคยทำให้อาณาจักรภูกามยาวเจริญรุ่งเรือง

โดยนายพงษ์พันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัด ระบุว่า สถานที่แห่งนี้พบว่ามีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ในสมัยอาณาจักรภูกามยาว ทางภาคราชการ เอกชน รวมทั้งทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกันที่จะจัดสร้างอนุสาวรีย์ขึ้นบริเวณแห่งนี้ เนื่องจากพบว่ามีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งศิลาจารึกที่ขุดพบได้ ว่าสถานที่บริเวณนี้เป็นสถานที่ ที่กษัตริย์ทั้งสามพระองค์ได้ทำการถือน้ำพิพัทสัตยา ร่วมกันขึ้น รวมทั้งดื่มน้ำสาบาน ที่จะเป็นพระสหายร่วมกันและจะไม่รุกรานกัน ซึ่งหลังจากนั้นใน ปี 1839 พระกษัตริย์ทั้งสามพระองค์ได้เดินทางร่วมกันในการสร้างเมืองเชียงใหม่ ซึ่งทางจังหวัดพะเยา ได้มีการศึกษาค้นคว้าและหลักฐานหลายประการที่บ่งบอกถึงสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สำคัญ ซึ่งได้มีตำนานและหลักฐานสืบเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคน จังหวัดจึงได้ดำเนินการที่จะร่วมมือกันทุกภาคส่วนในการจัดซื้อที่ดินบริเวณดังนี้ ซึ่งเป็นของเอกชนจัดสร้างเป็นอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ เพื่อระลึกถึงคุณงามความดีและให้เยาวชนลูกหลานได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ดังกล่าว

ขณะที่นายเกรียงศักดิ์ แรกข้าว ซึ่งถือว่าเป็นปราชญ์ชาวบ้านของพื้นที่ดังกล่าว ระบุว่า ในอดีตได้มีการค้นคว้าหาหลักฐานบริเวณวัดร้างดังกล่าว ซึ่งชาวบ้านแถวนี้เรียกว่าวัดร้างสบร่องขุย ซึ่งหมายถึงสบ หรือหมายถึงพบกันของลำน้ำร่องขุย กับแม่น้ำอิง ต่อมาได้มีการศึกษาค้นคว้าและมีการขุดค้นพบศิลาจารึกที่บ่งบอกว่าสามพระยาหรือสามกษัตริย์ได้ มีการลงสัตยาบันกันบริเวณแห่งนี้ ซึ่งศิลาจารึกดังกล่าวนั้นได้ถูกเก็บไว้บริเวณพิพิธภัณฑ์เวียงพยาว วัดลี อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา จากนั้นก็ทำการขุดค้นและยังพบศิลาจารึกวัดดังกล่าวนั้นมีชื่อว่า วัดสุวรรณวิหาร และมีเจ้าเมืองหลายพระองค์ ได้ทำการผนวชในวัดบริเวณวัดแห่งนี้ ซึ่งถือว่าวัดดังกล่าวนั้นในอดีตน่าจะเป็นวัดที่มีความสำคัญกับอาณาจักรภูกามยาว

สำหรับการก่อสร้างอนุสาวรีย์สามกษัตริย์ ดังกล่าวนั้น ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดพะเยาได้เตรียมการที่จะดำเนินการจัดสร้างขึ้นโดยขณะนี้ได้ทำการหล่อ รูปองค์พระมหากษัตริย์ไว้แล้วจำนวน 2 พระองค์คือพ่อขุนเม็งรายกลับพ่อขุนรามคำแหง และในเร็ววันนี้จะดำเนินการสร้างรูปหล่อของพ่อขุนงำเมือง และจะนำมาประดิษฐานที่บริเวณดังกล่าวคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ก็จะสามารถดำเนินการได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *