รวมพลังตลาดทุน ภาคธุรกิจ ภาคสังคม ศิลปิน สร้างปรากฎการณ์ “ออกแบบ ทางออก มหาชน” เพื่อความยั่งยืน SET Social Impact Day 17-18 ก.ค. นี้
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับพันธมิตรภาคตลาดทุน ภาคบันเทิง และภาคสังคม จัด SET Social Impact Day 2019 ภายใต้แนวคิด “Partnership for Impact Co-creationออกแบบ ทางออก มหาชน” สร้างจุดเชื่อมต่อระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมอย่างเป็นรูปธรรม เป็นเวทีนำเสนอแนวคิดการแก้ปัญหาสังคมใน 5 ด้าน ได้แก่ ด้านการศึกษา สุขภาพ สิ่งแวดล้อม กลุ่มเปราะบาง รวมถึงการพัฒนาชุมชนและการเกษตร พร้อมพบ 60 บูธธุรกิจเพื่อสังคม 17-18 ก.ค. นี้ ที่ อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน หากการเติบโตดังกล่าวอยู่ท่ามกลางปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น กระบวนการผนวกแนวคิดด้านความยั่งยืนในมิติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เข้าเป็นองค์ประกอบหลักในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ นอกเหนือจากการประกอบธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ทุกภาคส่วนสามารถร่วมสร้างโมเดลที่เป็นนวัตกรรม โดยออกแบบความร่วมมือ ขยายมิติของพันธมิตร เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดเป็นรูปธรรมและเติบโตไปพร้อมกัน (Inclusive Growth)
ตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด โครงการพอแล้วดี รวมทั้งองค์กรภาคธุรกิจและภาคสังคม จัด SET Social Impact Day 2019 ปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “Partnership for Impact Co-creation ออกแบบ ทางออก มหาชน” เวทีสร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมให้เกิดพลังและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมออกแบบการทำงานร่วมกันและเดินหน้าแก้ไขปัญหาสังคมใน 5 ด้าน เพื่อสร้างความสมดุลให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
“ตลาดหลักทรัพย์ฯ มุ่งพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้องในทุกมิติของสังคม ภายใต้วิสัยทัศน์ To Make the Capital Market “Work” for Everyone ดังนั้น การจัดงานในปีนี้จึงขยายผลจากทุกปีที่ผ่านมา จากเดิมที่สร้าง SET Social Impact Platform ให้ทำหน้าที่เป็น Impact Multiplier เชื่อมตลาดทุนและภาคธุรกิจให้ทำงานร่วมกับภาคสังคมเพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน ขณะที่ในปีนี้ได้ขยายบทบาทของแพลตฟอร์มให้มีกลไกเพิ่มพลังตัวคูณการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมใน 2 มิติ คือ ขยายพันธมิตรและขยายพื้นที่ โดยมิติด้านการขยายพันธมิตร ใช้กลยุทธ์ 4E ได้แก่ 1) Entertainment การขยายพันธมิตรสู่ภาคศิลปินในฐานะผู้มีอิทธิพลและมีบทบาทต่อผู้บริโภคเพื่อผลักดันการบริโภคอย่างยั่งยืน 2) Expert การขยายจำนวนพันธมิตรในตลาดทุนและผู้ทรงคุณวุฒิจิตอาสาที่ร่วมอุทิศความรู้ความสามารถเพื่อสร้างนักธุรกิจเพื่อสังคมรุ่นใหม่ให้เข้มแข็งและขับเคลื่อนธุรกิจยุคหน้าได้ 3) Educationร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาขยายความรู้และแรงบันดาลใจเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อสังคม 4) Exchange Information การขยายความจริงเกี่ยวกับปัญหาสังคมร่วมกับ Media Platformสื่อมวลชนที่นำเสนอเรื่องความยั่งยืน และมิติด้านการขยายพื้นที่ ได้แก่ การสร้างตัวคูณการทำงานร่วมกันในท้องถิ่น (Local-to-Local sustainable growth) ขับเคลื่อนความยั่งยืนโดยใช้พลังของภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา และภาคสังคมในจังหวัดต่าง ๆ” นายภากรกล่าว
นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า นอกจากการดำเนินงานหลักของ FETCO ที่เป็นตัวแทนภาคเอกชนทุกองค์กรในตลาดทุนไทย ร่วมกำหนดทิศทางและเป้าหมายระยะยาวในการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยเป็นกลไกสำคัญร่วมขับเคลื่อนนโยบายระหว่างรัฐและเอกชนแล้ว การพัฒนาตลาดทุนอย่างยั่งยืนเป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจของสมาชิก ควบคู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงให้สังคมพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงพร้อมสนับสนุนและร่วมมือกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกิจกรรม SET Social Impact Day ในปีนี้ และเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกันจะแสดงให้เห็นถึงพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วนในตลาดทุนไทยที่เข้มแข็งและมีเป้าหมายชัดเจนต่อการพัฒนาสังคมไทย
นางเอื้อมพร ปัญญาใส นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) กล่าวว่า maiA มีสมาชิกเป็นบริษัทขนาดเล็กและกลาง แต่มีศักยภาพและอัตราการเติบโตสูงถึง 162 บริษัท ตลอด 3 ปี ได้ร่วมทำงานบนแพลตฟอร์ม SET Social Impact เพื่อสร้างธุรกิจเพื่อสังคมให้เป็น Entrepreneurship ที่เข้มแข็งและทำงานสร้างประโยชน์ให้สังคมในวงกว้าง ผ่านโค้ชจิตอาสาที่เป็นผู้บริหารระดับสูงที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการธุรกิจ มาร่วมให้ข้อแนะนำเทคนิคการทำธุรกิจให้เติบโตอย่างใกล้ชิดในโครงการSET Social Impact Gym และเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าการจัดงาน SET Social Impact Day จะเป็นเวทีของภาคธุรกิจและสังคมที่จะผนึกกำลังและกระตุ้นความร่วมมือของคนไทยทุกคน รวมถึงสร้างพันธมิตรให้ร่วมออกแบบทางออก แก้ไขปัญหาสังคมในวงกว้าง ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมทางออกที่บริษัทหรือภาคธุรกิจสามารถมีส่วนร่วม และปรับใช้ในห่วงโซ่คุณค่าขององค์กรได้
นายนภ พรชำนิ CEO บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด (LIFEiS) กล่าวว่า เราเชื่อว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้จะส่งผลถึงอนาคต ถ้าอยากให้สังคมในอนาคตดี เราต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันนี้ ไลฟ์อีส เสมือนเป็นตัวแทนกลุ่มศิลปิน นักคิด และนักกิจกรรม อยากชวนทุกคนในสังคมให้มีความเชื่อว่าเราสามารถเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย โดยเราจะเชื่อมต่อกันด้วยศักยภาพที่เรามี ระหว่างภาคสังคม ภาคบันเทิง ภาคธุรกิจ เพื่อให้คนไทยทุกคนเห็นความมหัศจรรย์ของความร่วมมือร่วมใจ และเป็นแรงบันดาลใจในการช่วยเหลือสังคมต่อๆ ไป การได้ทำงานร่วมกับตลาดหลักทรัพย์ฯ และพันธมิตรเป็นโอกาสที่ดีอย่างยิ่ง โดยแต่ละภาคส่วนมีจุดแข็งในการทำงานและความตั้งใจ ถ้าเราได้ทำงานร่วมกันบนแพลตฟอร์มของตลาดหลักทรัพย์ฯ จะเป็นพลังและเพิ่มพื้นที่ของสังคมที่จะได้รับประโยชน์มากยิ่งๆ ขึ้น
ดร. ศิริกุล เลากัยกุล ผู้อำนวยการโครงการพอแล้วดี กล่าวว่า ในการสร้างความยั่งยืนให้กับสังคมนั้น ภาคธุรกิจมีบทบาทที่สำคัญยิ่ง การสร้างการเติบโตทางธุรกิจที่ทุกส่วนมีโอกาสเจริญเติบโตร่วมกันนั้น ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีความสำคัญยิ่งต่อการกำหนดกลยุทธ์ และนี้คือเหตุผลที่ “พอแล้วดี” ถือเป็นเกียรติที่ได้ร่วมในการ “พัฒนา” ทั้งคนและธุรกิจ ในหลักสูตรต่างๆ และ ร่วมออกแบบ ทางออก ให้กับความยั่งยืน ในงานครั้งนี้
“SET Social Impact Day 2019 ออกแบบ ทางออก มหาชน” ถือเป็นรูปธรรมของการเชื่อมความร่วมมือในการออกแบบแก้ไขปัญหาสังคมอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมต่าง ๆ ได้แก่
1. Impact Seminar การเสวนาอย่างมีส่วนร่วมเพื่อออกแบบโมเดลที่ Win Win ด้วยการดึงศักยภาพและไอเดียของผู้ร่วมงานเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการเสวนา โดยมี 40 วิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิและมีชื่อเสียงจากทั้งภาคตลาดทุน ภาคบันเทิง และภาคสังคม ที่เต็มเปี่ยมด้วยพลัง โดยมีเนื้อหาครอบคลุม 5 ด้านปัญหาและทางออก ได้แก่ การศึกษาไทย (Education) ปัญหาสุขภาพคนไทย (Heart & Health) โดยเฉพาะปัญหาที่ถูกมองข้าม พร้อมหาทางออกทั้งเรื่องระบบ บุคลากร และกระบวนการที่เกี่ยวข้อง สิ่งแวดล้อม (Environment) ในมิติของผู้บริโภคและหาวิธีขยายผลลัพธ์ กลุ่มเปราะบาง (Vulnerable Group) และการออกแบบวิถีชุมชนและเกษตรยั่งยืน (Agriculture & Community Development) ทางเลือกหนึ่งในการดำรงชีวิตและประกอบอาชีพของเกษตรกรรายย่อย
2. Impact Gallery 60 บูธผู้ประกอบธุรกิจเพื่อสังคมที่นำเสนอนวัตกรรมและวิธีการทางธุรกิจในรูปแบบที่สร้างสรรค์ โดยแบ่งเป็น 5 มิติปัญหาและทางออก ได้แก่ Education,Heart & Health, Environment, Vulnerable Group และ Agriculture & Community Development พร้อมเปิดโอกาสในการจับคู่สร้างความร่วมมือ สร้างเครือข่าย และเป็นพื้นที่ในการเจราจากับทุกภาคส่วนเพื่อแก้ไขปัญหาสังคม ผลักดันให้เกิดการทำงานและร่วมพัฒนาศักยภาพธุรกิจเพื่อสังคมในอนาคต สร้างผลลัพธ์เชิงบวกแก่คนไทยทั่วประเทศ
3. Impact Market สินค้าและบริการที่มีคุณค่าและความหมาย ผู้ร่วมงานสามารถร่วมสนับสนุนธุรกิจเพื่อสังคมผ่านการอุดหนุนสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ สร้างมูลค่าเพิ่ม และความเข้มแข็งให้กับชุมชน ผู้ด้อยโอกาส ตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาสังคมไทยร่วมกันทั้งผู้ผลิตและผู้ซื้อ
SET Social Impact Day เป็นหนึ่งในกิจกรรมภายใต้ SET Social Impact Platform ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้พัฒนาขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคม จากการนำเสนอใน Online Platform สู่การทำงานในรูปแบบ Offline ทั้งเสวนา การสร้างเครือข่าย การเจรจาธุรกิจ และการนำเสนอการทำงานในส่วนภาคธุรกิจและภาคสังคม โดยบริษัทจดทะเบียน บริษัทจำกัด ทั้งที่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กและขนาดใหญ่ จะได้ประโยชน์จากการร่วมงาน ขยายเครือข่าย และความรู้ สร้างโมเดลการทำงานที่ยั่งยืนร่วมกับพันธมิตรใหม่ ๆ รวมทั้งภาคราชการ สมาคม มูลนิธิ ธุรกิจเพื่อสังคม หน่วยงานภาคสังคม ประชาชนทั่วไปที่สนใจบริบทของการสร้างความยั่งยืน เพื่อการต่อเชื่อมและขยายผลการพัฒนาสังคมได้อย่างกว้างขวาง งานดังกล่าวจัดขึ้นในวันที่ 17-18 กรกฏาคม 2562 เวลา 8.30-17.00 น. อาคารตลาดหลักทรัพย์ฯ รายละเอียดเพิ่มเติมและลงทะเบียนร่วมงานที่ www.setsocialimpact.com